5 วิธีคิดเพื่อปูทางชีวิตไปสู่ความสำเร็จ
เคล็ดลับความสำเร็จ

5 วิธีคิดเพื่อปูทางชีวิตไปสู่ความสำเร็จ

ความสำเร็จ เป็นคำพูดง่าย เขียนง่าย แต่ว่าทำได้ยากมาก เพราะคนส่วนใหญ่มีต้นทุนในชีวิตไม่เท่าเทียมกัน บางคนเกิดมาพร้อมกับช้อนเงินช้อนทอง ซึ่งเป็นคำพูดที่นิยมเปรียบเปรย คนที่เติบโตขึ้นมาบนกองเงินกองทองที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายได้สร้างไว้ให้ แต่ไม่ว่าใครจะมีต้นทุนชีวิตมากหรือน้อยแตกต่างกันอย่างไร สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จนั่นคือ วิธีคิดและความตั้งใจจริง อย่างเช่น 5 วิธีคิดในแบบฉบับของคนที่เดินไปสู่ความสำเร็จแล้วกลับมาเล่าให้ฟัง เป็นแนวทางดังต่อไปนี้

1.หมั่นเตือนตนด้วยตนเอง ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้ง สิ่งที่จะพลิกชีวิตกลับคืนมาสู่ความสำเร็จ คือ การเริ่มต้นสื่อสารกับตนเอง พร้อมตั้งเป้าหมายอย่างจริงจัง การสื่อสารกับคนอื่นว่ายากแล้ว การสื่อสารกับตนเองยิ่งยากกว่า แถมยังบังคับยากอีกด้วย แต่คุณทำได้ด้วยการ พูดกับตนเองหน้ากระจกทุก ๆ วัน จ้องเข้าไปในดวงตาเวลาพูดโดยนำสิ่งดี ๆ มาพูดมาบอกตนเองทุกวัน เช่น เราตื่นมาพร้อมกับความสุข เราจะมีความสุขตลอดทั้งวัน เราจะทำงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและความสำเร็จ เป็นต้น

2.การวางแผนที่ดี หากคุณรู้ว่าในแต่ละวันเป้าหมายของคุณคืออะไร ควรเริ่มจากการวางแผนเพื่อให้เรารู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกขั้นตอน และสามารถติดตามผล พัฒนาและแก้ไขให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ ข้อสำคัญต้องเปิดใจยอมรับวิธีการใหม่ ๆ นำมาประยุกต์ใช้ ในแต่ละขั้นตอนการทำงานหรือแผนการดำเนินชีวิตด้วย เพราะไม่มีอะไรการันตีว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะนำคุณไปสู่ความสำเร็จได้ในพริบตา เช่น หากคุณวางแผนจะซื้อบ้านภายใน 5 ปี คุณต้องคำนวณก่อนว่า แต่ละเดือนคุณมีค่าใช้จ่ายเท่าไร แบ่งเป็นเงินเก็บเท่าไร คำนวณค่าผ่อนบ้านและเผื่อฉุกเฉินไว้เท่าไร นำมาสรุปตัวเลขที่ได้ใน 1 ปี จากนั้น คูณด้วย 5 ถ้าหากตัวเลขที่วางไว้ยังห่างไกลเป้าหมาย คุณต้องเริ่มหาทางเข้าใกล้ โดยคิดว่าจะต้องหารายได้พิเศษไหม ด้วยวิธีการใด อันนี้เป็นแนวทางเท่านั้น เพราะสถานการณ์จริง คุณเท่านั้นที่จะรู้ดีที่สุด

3.ความอดทน เป็นคุณสมบัติพิเศษของแต่ละบุคคล เพราะความอดทนของคนเรานั้นไม่เท่ากัน และยิ่งเป้าหมายที่ตั้งไว้สูงเพียงไหน หนทางที่เดินไปกับระยะเวลาคือเครื่องพิสูจน์ความอดทนและความแข็งแรงของหัวใจคุณเท่านั้น

4.ยึดหลักธรรม ตามแนวผู้สำเร็จ ได้แก่ อิทธิบาท 4 กุญแจไขประตูสู่ความสำเร็จ
หนทางสู่ความสำเร็จดังกล่าวนี้คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา ซึ่งเป็นหลักธรรมที่ผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนผู้นำในระดับประเทศ ต่างนำมาปรับใช้ทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงาน เพื่อนำพาไปสู่ความสำเร็จ อธิบายขยายความได้ว่า

  • ฉันทะ หมายถึง ความรักและความพอใจในสิ่งที่เราทำอยู่ เช่น การชอบทำบุญ ช่วยเหลือคนอื่น และรักในการให้บริการในหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบ หากเราเริ่มต้นสิ่งใดด้วยความรักและความพึงพอใจ จิตใจจะอิ่มเอมในการทำงานและปฏิบัติในสิ่งนั้น ถึงแม้จะมีอุปสรรคผ่านเข้ามาหรือได้รับแรงกดดันจากสิ่งแวดล้อมทั้งในชีวิตและการทำงาน ก็จะสามารถตั้งสติหาเหตุผลและหนทางแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกวิธี จนกระทั่งได้รับความสำเร็จ
  • วิริยะ หมายถึงการมีความเพียรพยายามเป็นที่ตั้ง เมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่ ถึงแม้จะยากลำบากหรือมีอุปสรรค ก็จะสามารถผสมผสานเทคนิคจากการเรียนรู้และประสบการณ์ทำงาน จนกลายเป็นความเชี่ยวชาญ จนกระทั่งปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นนั้นหมดไป ด้วยความขยันหมั่นเพียรเป็นที่ตั้ง
  • จิตตะ หมายถึงการทำงานหรือการดำเนินชีวิตด้วยเอาใจใส่ จดจ่อ มีสติอยู่กับขั้นตอนการทำงานนั้น ๆ สิ่งนี้จะช่วยเสริมความรอบคอบ ในการทำงานและก้าวย่างในการดำเนินชีวิต ความคิดและการกระทำส่งผลให้งานประสบความสำเร็จหรือผิดพลาดน้อยลง ในด้านการดำเนินชีวิตมีความรอบคอบและสามารถป้องกันในข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
  • วิมังสา หมายถึง การใช้สติปัญญาไตร่ตรอง ตรวจสอบและพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ตามที่วางแผนไว้ ตลอดจนขั้นตอนการปฏิบัติ และสามารถวิเคราะห์ข้อดีหรือข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น นำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องและดียิ่งขึ้น

5.พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เป็นวิธีคิดที่ได้ผลในทุกยุคสมัย โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การมองโลกในแง่ดี หรือมุมมองความคิดบวกจะช่วยให้เรามองเห็นโอกาสดีในการดำเนินชีวิตและการทำงาน กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์เสริมสร้างกำลังใจให้เข้มแข็ง เช่น คนที่ตกงานแต่มีความสามารถในการตัดเย็บเสื้อผ้า ก็ดัดแปลงและเพิ่มเติมความรู้เป็นการเย็บหน้ากากอนามัยซึ่งทำด้วยผ้าชนิดต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ตามมาตรฐานความปลอดภัย และสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมอีกด้วย

หลักการข้างต้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ต้องอาศัยความมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงตนเอง ลองสำรวจตนเองดูว่าต้องเพิ่มเติมหรือลดสิ่งใด เพื่อให้แผนงานที่วางไว้ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ