รู้จัก 4 หลักการพื้นฐานนำไปสู่ความสำเร็จที่ใครก็ทำตามได้
เคล็ดลับความสำเร็จ

รู้จัก 4 หลักการพื้นฐานนำไปสู่ความสำเร็จที่ใครก็ทำตามได้

เชื่อเหลือเกินว่าแทบทุกคนล้วนเคยมีความฝันหรือเคยตั้งเป้าหมายอะไรบางอย่างในชีวิต แต่ทว่ากลับมีไม่กี่คนที่สามารถทำสิ่งที่ฝันหรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้เป็นจริงขึ้นมาได้ แม้นั่นจะไม่ใช่เรื่องผิด เพราะชีวิตคนเราล้วนมีเงื่อนไขและปัญหาต่าง ๆ ที่พบเจอในชีวิตไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น บางคนฝันไว้ว่าจะมีเงินล้านก่อนอายุ 30 ปี แต่เมื่อเอาเข้าจริงก็ไม่สามารถเก็บเงินได้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เพราะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ประดังประเดเข้ามาไม่หยุด แถมบางครั้งยังมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินต่าง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในแผนโผล่เข้ามาอยู่เรื่อย ๆ อีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม ก็มีอีกหลายคนที่มีพร้อมแทบทุกอย่างที่จะสามารถทำความฝันที่ตั้งไว้ให้เป็นจริงได้ไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพียงเพราะขาดหลักการหรือวิธีคิดที่ถูกต้องนั่นเอง ดังนั้น วันนี้เราจึงจะแนะนำให้รู้จัก 4 หลักการพื้นฐานนำไปสู่ความสำเร็จที่ใครก็ทำตามได้

1.รู้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
อันดับแรกก่อนจะตั้งเป้าหมายอะไรสักอย่าง เราต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร และเป้าหมายนั้นสำคัญกับเราอย่างไร เมื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่าแล้ว ชีวิตเราจะดีขึ้นหรือไม่ หรือส่งผลต่อคนรอบตัวเราอย่างไร เช่น หากเราตั้งเป้าหมายว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เราก็ต้องคิดถึงผลลัพธ์ด้านลบล่วงหน้าว่า เราจะไม่ได้อยู่กับครอบครัว หรือเราอาจปรับตัวกับสังคมใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย ฯลฯ รวมถึงผลลัพธ์ด้านดี เช่น ได้เรียนรู้โลกกว้าง, ได้ออกไปท่องเที่ยว, ได้อนาคตที่สดใส ฯลฯ แล้วค่อยนำผลลัพธ์ทั้งสองด้านมาพิจารณาควบคู่กันว่าด้านไหนมากหรือน้อยกว่ากัน หากเรามั่นใจว่าผลลัพธ์ด้านดีมีมากกว่า จึงตั้งเป้าหมายนั้นให้ชัดเจนมากขึ้นและวางแผนลงมือทำทันที

2.ลงมือทำอย่างจริงจัง
แน่นอนว่าหากมีเพียงเป้าหมายแต่ไม่ลงมือทำ ย่อมไม่เกิดผลอะไรอย่างแน่นอน การลงมือทำอย่างจริงจัง เต็มที่ และสม่ำเสมอถือเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จก็ว่าได้ โดยเราอาจเริ่มจากการลงมือทำในเรื่องเล็ก ๆ ที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในวันหน้า เช่น หากเราตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนัก เราอาจเริ่มจากการออกกำลังกายวันละ 10 นาที ให้ได้ติดกันหลายวัน แล้วค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาขึ้นเรื่อย ๆ

3.สังเกตผลลัพธ์หลังลงมือทำไประยะหนึ่ง
เมื่อเราลงมือทำไปสักระยะหนึ่งให้เราสังเกตผลลัพธ์ว่าเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้แค่ไหน หรือหากติดขัดปัญหาบางอย่างจนทำให้เรายังไม่เข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้สักที เราจะได้ค้นหาสาเหตุและหาวิธีแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หากเราตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บเงิน 100,000 บาท ให้ได้ภายในปีนี้ แต่เมื่อผ่านไปครึ่งปีแล้ว เรายังเก็บเงินได้แค่ไม่กี่หมื่นบาทเท่านั้น หมายความว่าตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาเรามีเหตุที่ต้องใช้เงินมากกว่าแผนที่เราวางไว้ ซึ่งเราก็สามารถย้อนกลับไปดูได้ว่าเงินมันรั่วไหลไปตรงจุดไหนกันแน่เพื่อหาวิธีป้องกันในเดือนต่อ ๆ ไป ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้มากขึ้นนั่นเอง

4.มีทัศนคติที่ดีต่อสิ่งที่เราทำ
หากเรารู้สึกไม่ดีต่อสิ่งที่เรากำลังทำ ย่อมทำให้การลงมือทำของเราไม่เกิดประสิทธิภาพ หรือทำโดยไม่มีความสุขอย่างแน่นอน ฉะนั้น เราจึงควรลงมือทำด้วยกายและใจที่สอดคล้องกัน อย่าทำโดยฝืนความรู้สึกหรือร่างกายตนเอง เช่น ตั้งเป้าหมายว่าจะออกกำลังกาย แต่ก็เพิ่งเลิกงานกลับมาเหนื่อย ๆ จนไม่มีอารมณ์จะออกกำลังกาย ก็อย่าเพิ่งฝืนร่างกายตนเอง หากเป็นเช่นนั้น ก็ควรอาบน้ำหรือนั่งพักกินน้ำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นก่อน เมื่อจิตใจและร่างกายพร้อมแล้วจึงเริ่มออกกำลังกายอย่างที่ตั้งใจไว้

การมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จก็คล้ายกับการเดินทางไปยังจุดหมายที่เป็นอาคารหรือสถานที่ เราต้องรู้ก่อนว่าต้องการเดินทางไปสถานที่ใด วางแผนแล้วกำหนดวิธีการเดินทาง ระว่างทางก็ต้องคอยดูว่ามาถูกทางหรือไม่ ต้องปรับปรุงอะไรบ้าง และเหนืออื่นใดต้องมีความรู้สึกดี ๆ กับการเดินทางด้วย จึงจะทำให้เดินไปถึงเป้าหมายได้ถูกต้องและมีความสุข